สาระน่ารู้
  • 30 ม.ค. 2561
 2,753

ตอนที่ 3 ควรออมเท่าไรจึงใช้สบายวัยเกษียณ

 

ควรออมเท่าไรจึงใช้สบายวัยเกษียณ

 

ท้องถนนในเมืองหลวงรถคืบคลาน ทางเท้าผู้คนเบียดเสียดแน่น ต่างคนต่างฝักใฝ่ใจจดจ่อกับภารกิจที่ตนมี ไม่ใคร่มีใครสนใจใคร แม้จะมีผู้คนนับล้าน แต่เอื้อรู้สึกเหงาจับใจ มีคนอยู่ใกล้จำนวนมากแต่ใจเหินห่างบางครั้งทำให้เราเหงาได้มากกว่าการอยู่เพียงคนเดียวเสียอีก

 

เอื้อ นั่งอยู่บนรถเมล์ถ้าไม่ปล่อยใจไปตามอารมรณ์เหงาก็มักหยิบหนังสือมาอ่านเป็นเพื่อน เอื้อพลิกหนังสือ ออมก่อนรวยกว่า ที่พี่อาทรซื้อมาฝากเมื่อสองวันก่อน ดีกว่าการปล่อยอารมณ์ไปตามกระแสความรู้สึกของผู้คน

 

อ่านแล้วเอื้อนึกถึงพ่อที่อีกไม่ถึงสิบปีก็จะเกษียณแล้ว เมื่อเกษียณแล้วยังจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต เดี่ยวนี้คนไทยอายุเฉลี่ยสูงขึ้นเป็น 78 ปี ถ้าเกษียณอายุ 60 ปี เท่ากับว่าเราต้องมีเงินใช้หลังเกษียณอีกประมาณ 18 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่น้อยเลยเพราะไม่มีรายได้แล้ว 

 

เอื้อเห็นด้วยกับเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานในหลายประเทศซึ่งบอกว่า หลังเกษียณเราควรมีเงินใช้ประมาณ 70% ของเงินเดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ เช่น ถ้าเงินเดือนสุดท้ายของพ่อก่อนเกษียณ 30,000 บาท ซึ่งหวังว่าคงจะถึงนะเพราะอีกหลายสิบปีมาก พ่อควรมีเงินใช้หลังเกษียณอย่างน้อย 21,000 บาท คงจะพอเพราะหลังเกษียณค่าใช่จ่ายน้อยลง กินน้อยลง ภาษีสังคมก็น้อยลง และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปทำงานทุกวัน

 

แต่จะต้องออมเท่าไรละจึงจะมีเงินใช้อย่างน้อยเดือนละประมาณ 70% ของเงินเดือนสุดท้าย

เอื้อดูตารางการออมที่จะทำให้มีเงินใช้สบาย ๆ ในยามเกษียณ

 

จำนวนเงินที่ต้องออมซึ่งทำให้หลังเกษียณอายุแล้ว

ผู้ออมจะมีเงินใช้ประมาณ 70% ของเงินเดือนสุดท้าย

 

เริ่มต้นออมเงินเมื่ออายุ จำนวนเงินที่ต้องออมต่อเดือน

25 ปี 7% ของเงินเดือน

30 ปี 10% ของเงินเดือน

40 ปี 20% ของเงินเดือน

50 ปี 50% ของเงินเดือน

55 ปี 80% ของเงินเดือน

 

เอื้อคิดว่าถ้าเธอเริ่มออมเงินตั้งแต่เริ่มทำงานอายุน้อย ๆ จะเป็นการดีกว่าเพราะไม่ต้องเหนื่อยกระเบียดกระเษียณกับการออมจนเกินไป เพราะออมเพียงประมาณ 7% ของเงินเดือนเท่านั้น แต่ถ้าไปเริ่มออมที่อายุ 30 ปี ต้องออมเดือนละ 10% และถ้าอายุ 40 ปีต้องออมถึง 20% ของเงินเดือน จึงจะทำให้หลังเกษียณเธอจะมีเงินใช้ประมาณเดือนละ 20,000 บาทหรือประมาณ 70% ของเงินเดือนสุดท้าย ถ้าเริ่มต้นออมช้าเมื่ออายุมากแล้วยิ่งต้องเพิ่มเงินออมเป็นทวีคูณ ซึ่งเธอคิดในใจว่าความฝันยิ่งห่างไกลและเป็นไปได้ยากขึ้นหากเราเริ่มต้นออมช้า

 

เอื้อถึงบางอ้อเมื่อเธอเคยเห็นตารางการออมทุนเรือนหุ้นของสหกรณ์ที่พ่อเป็นสมาชิก ซึ่งกำหนดให้สมาชิกต้องส่งหุ้นประมาณ 7% ของเงินเดือนตั้งแต่เริ่มเป็นสมาชิก ซึ่งหากสมาชิกไม่รับเงินปันผลเลยโดยทบเป็นทุนเรือนหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปี เมื่อเกษียณจะมีเงินใช้อย่างสบาย ๆ อีกไม่น้อยกว่า 70% ของเงินเดือนสุดท้าย เพิ่มเติมจากบำเหน็จหรือบำนาญที่ได้รับ 

 

เอื้อคิดว่าหากเจอพี่อาทรเมื่อไรจะถามว่าที่ทำงานของพี่อาทรมีสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ ถ้ามีก็น่าจะรีบไปสมัคร...

.......................................................

โลก ของ เอื้อและอาทร


โดย สนวลี